‘โวโลดีมีร์ เซเลนสกี’ ประธานาธิบดียูเครน ยืนยันในวันครบรอบ 34 ปีการประกาศเอกราชว่า ยูเครนจะ “ไม่มีวันแพ้” แม้สงครามกับรัสเซียยืดเยื้อมากว่า 3 ปี พร้อมปฏิเสธการยอม “ประนีประนอม” เรียกร้องสันติภาพที่ยุติธรรมและการตัดสินอนาคตด้วยตัวเอง
24 สิงหาคม 2025 เว็บไซต์ Radio Free Europe/Radio Liberty รายงานว่า ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี เฉลิมฉลองวันประกาศเอกราชของยูเครน โดยกล่าวว่าประเทศของเขาจะ “ไม่แพ้” ในการต่อสู้กับมอสโก ท่ามกลางความคืบหน้าใหม่ในสนามรบและการทูตที่มีเดิมพันสูงเพื่อยุติสงครามที่ยืดเยื้อมากว่า 3 ปี
“ยูเครนยังไม่ได้ชนะ แต่แน่นอนว่าจะไม่มีวันแพ้” เซเลนสกีกล่าวในแถลงการณ์ผ่านวิดีโอเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม “ยูเครนไม่ใช่เหยื่อ แต่เป็นนักสู้”
ผู้นำยูเครนยังกล่าวเสริมว่า แม้ว่าบางส่วนของประเทศยังคงถูกยึดครองโดยกองทัพรัสเซีย แต่ก็ยังมี “ยูเครนเดียว” และ “เราจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งในฐานะครอบครัวเดียวกัน” เซเลนสกีกล่าวถึงการทูตที่ตึงเครียดกับรัสเซีย ท่ามกลางเสียงเรียกร้องใหม่จากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการผลักดันให้เกิดการเจรจาสันติภาพซึ่งอาจนำไปสู่การยุติสงคราม
“[ยูเครน] จะไม่มีวันยอมรับความอัปยศจากสิ่งที่รัสเซียเรียกว่า ‘การประนีประนอม’ อีกต่อไป” เขากล่าว “เราต้องการสันติภาพที่ยุติธรรม ซึ่งอนาคตของเราจะเป็นสิ่งที่เราตัดสินใจเอง”
คำปราศรัยของเซเลนสกีมีขึ้นในขณะที่กรุงเคียฟเฉลิมฉลองครบรอบ 34 ปีของการประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียต และขณะนี้ประเทศกำลังเผชิญกับความเป็นจริงใหม่ทั้งในและนอกสนามรบ
รัสเซียระบุว่าเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมว่า กองกำลังของตนในยูเครนตะวันออกยึดหมู่บ้านสองแห่งในภูมิภาคโดเนตสก์ และอ้างว่ายึดอีกแห่งในภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสก์เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ขณะที่กองทัพยูเครนระบุว่ากองกำลังของตนได้ยึดคืนพื้นที่หนึ่งทางตะวันตกของภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสก์เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม
มอสโกยังประกาศว่าได้ดับไฟที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในภูมิภาคคุร์สทางตะวันตกของรัสเซีย หลังจากที่ระบบป้องกันทางอากาศของรัสเซียอ้างว่ายิงโดรนของยูเครนตก
นอกจากนี้ เดือนนี้ยังมีการทูตที่เข้มข้นเกี่ยวกับการยุติสงคราม รวมถึงการประชุมสุดยอดครั้งสำคัญระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ที่รัฐอลาสก้า
แม้ทั้งสองผู้นำจะอ้างว่าการประชุมประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงสำคัญหรือการประชุมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับเซเลนสกีหรือผู้นำพันธมิตรคนอื่นๆ
นายกแคนาดาเยือนเคียฟ
เพื่อแสดงการสนับสนุน นายกรัฐมนตรีแคนาดา มาร์ก คาร์นีย์ เดินทางถึงกรุงเคียฟเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ในการเยือนยูเครนอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งเมื่อเดือนเมษายน
คาร์นีย์จะพบกับเซเลนสกี โดยทั้งสองผู้นำคาดว่าจะหารือเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของแคนาดาในการให้ความช่วยเหลือทางทหารมูลค่า 1.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2 พันล้านดอลลาร์แคนาดา) รวมถึงโอกาสความร่วมมือในการผลิตอุปกรณ์ป้องกันประเทศ
“ในวันประกาศเอกราชของยูเครน และในช่วงเวลาสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติของพวกเขา แคนาดากำลังก้าวเข้ามาเพื่อสนับสนุนให้เกิดสันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืนสำหรับยูเครน” คาร์นีย์กล่าวในโพสต์บน X
ประเด็นเรื่องการรับประกันความมั่นคงสำหรับยูเครนในข้อตกลงสันติภาพที่อาจเกิดขึ้น จะเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่เซเลนสกีกับคาร์นีย์หารือกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามจากพันธมิตรของเคียฟในการกำหนดเงื่อนไขสำหรับการเจรจากับรัสเซีย
เซเลนสกีโพสต์ข้อความแสดงความยินดีจากทรัมป์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวชื่นชม “จิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้” ของยูเครนในขณะที่ประเทศเฉลิมฉลองเอกราช
นับตั้งแต่การประชุมสุดยอดที่อลาสก้า ทรัมป์แสดงความไม่พอใจต่อการที่ยังไม่มีข้อตกลงสันติภาพ โดยระบุว่าเขากำลังพิจารณาที่จะคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมต่อรัสเซีย หรือถอนตัวจากการเจรจาสันติภาพ
เขาได้เสนอเส้นตายใหม่เป็นเวลา 2 สัปดาห์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม สำหรับเคียฟและมอสโกในการเดินหน้ากระบวนการสันติภาพ มิฉะนั้นอาจเผชิญการตอบโต้จากสหรัฐฯ
“ผมคิดว่าผมอยากรู้ท่าทีของรัสเซีย และพูดตรงๆ [ท่าที] ของยูเครนด้วย” ทรัมป์กล่าว “จากนั้นเราจะตัดสินใจว่าเราจะทำอะไร”
หากไม่มีความคืบหน้าในการยุติสงครามภายในเวลาที่กำหนด ทรัมป์กล่าวว่าเขาอาจใช้มาตรการ “คว่ำบาตรครั้งใหญ่” หรือ “ภาษีศุลกากรครั้งใหญ่” หรืออาจจะไม่ทำอะไรเลยและพูดว่า “นี่คือการต่อสู้ของพวกคุณ”
อนาคตอันไม่แน่นอนของการเจรจาสันติภาพ
ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามว่าการทูตจะคืบหน้าอย่างไร เซเลนสกีและรัฐบาลยุโรปยังคงเรียกร้องให้มีการหยุดยิง ซึ่งมอสโกปฏิเสธมาโดยตลอด
ความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะยอมสละดินแดนให้รัสเซียเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพก็เป็นข้อเรียกร้องของมอสโก และทรัมป์เองก็เคยหยิบยกขึ้นมาเป็นความเป็นไปได้ด้วย
ประธานาธิบดียูเครนยังกล่าวหาว่าทำเนียบเครมลิน “ทำทุกวิถีทาง” เพื่อขัดขวางการพบปะกับปูตินเพื่อยุติสงคราม
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ กล่าวว่าผู้นำรัสเซียพร้อมที่จะพบเซเลนสกี “เมื่อวาระการประชุมพร้อมสำหรับการประชุมสุดยอด และตอนนี้วาระนั้นยังไม่พร้อมเลย” โดยกล่าวหาว่าเซเลนสกี “ปฏิเสธทุกเรื่อง”
ความคืบหน้าของการเจรจาสันติภาพอาจขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในสนามรบด้วย ซึ่งรัสเซียรุกคืบในยูเครนตะวันออกมาหลายเดือนแล้ว แต่ความคืบหน้าเป็นไปอย่างเชื่องช้าและมีการสูญเสียสูง แม้ยูเครนสูญเสียน้อยกว่า แต่ประชากรก็น้อยกว่ารัสเซีย และกองทัพยังต้องเผชิญปัญหาขาดแคลนกำลังพล
