อินเดียประกาศความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปพิสัยกลาง Agni 5 เมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) โดยระบุว่าเป็นขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ และมีสมรรถนะทำลายจีนได้ทุกพื้นที่ที่เป็นเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์อินเดีย-จีนกลับอยู่ในช่วงขาขึ้น และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี (Narendra Modi) ของอินเดียอาจเยือนจีนในเร็ว ๆ นี้
.

เครือข่ายข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นเอของสิงคโปร์รายงาน อ้างอิงประกาศของทางการอินเดีย ซึ่งระบุด้วยว่า จุดทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของอินเดียนี้ คือ รัฐโอริสสาบริเวณอ่าวเบงกอลทางตะวันออกของประเทศ ทั้งนี้ ขีปนาวุธ Agni 5 นี้เป็นหนึ่งในขีปนาวธหลายลูกที่อินเดียพัฒนาได้ด้วยตนเอง โดยมีพิสัยใกล้และกลางเพื่อใช้ป้องกันภัยจากจีน และปากีสถาน
.
อย่างไรก็ดี รายงานชี้ว่า อินเดีย และจีน ซึ่งมีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก กำลังพยายามยกระดับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีเนื่องจากทั้ง 2 ประเทศต่างถูกกดดันคล้ายคลึงกันจากปัญหาการค้า และประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์จากนโยบายการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าสู่สหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
.
โมดี และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนพบปะกันครั้งแรกในรอบ 5 ปีในเวทีการประชุมสุดยอดที่รัสเซียเมื่อเดือน ต.ค. 2567 อีกทั้งมีรายงานคาดการณ์ว่า โมดีอาจเดินทางเยือนจีนเป็นครั้งแรกนับจากปี 2561 ในปลายเดือนส.ค. 2568 นี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงระดับภูมิภาค
.
รายงานระบุว่า พัฒนาการความสัมพันธ์อินเดีย-จีนในทิศทางขาขึ้นนี้มีขึ้นหลังจากที่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองเคยมีเหตุปะทะกันตามแนวชายแดนอย่างรุนแรงเมื่อปี 2563 เนื่องจากต่างแข่งขันชิงความเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งส่งผลให้ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีตกฮวบลงในช่วงนั้น
.
แต่กระนั้น รายงานชี้ว่า ท่าทีล่าสุดของอินเดีย-จีน คือ ยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีเพื่อร่วมต้านนโยบายกำแพงภาษีของทรัมป์ ถึงแม้ว่าอินเดียยังเป็นภาคีของกลุ่ม Quad ซึ่งเป็น 4 พันธมิตรด้านความมั่นคงที่ประกอบด้วยสหรัฐฯ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่นและอินเดีย
.
ทั้งนี้ ทรัมป์ประกาศจะตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าสู่สหรัฐฯ จากอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า คือ จากร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 50 ภายในวันที่ 27 ส.ค. 2568 นี้ ถ้าอินเดียยังคงสั่งซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียผ่านการตัดรายได้หลักของรัสเซียจากการส่งออกน้ำมันตามแผนกดดันให้รัสเซียสรุปข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน