
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2566
ตำรวจภูธรภาค ๑ ขอประชาสัมพันธ์ข่าวสารด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติต กรณี “จับกุมเครือข่ายลำเลียง
ยาเสพติดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อนำมาจำหน่ายและแพร่กระจายในภาคกลางและภาคใต้”
ตามนโยบายรัฐบาลเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งระบบด้วยการสืบสวนขยายผลและวิเคราะห์ความเชื่อมโยง
เครือข่ายของนักค้ายาเสพติดอย่างรู้เท่าทัน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทาง -กลางทาง -ปลายทาง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร..
พล.ต.ท.ธนา วงศ์ รรท.รอง ผบ.ตร. และ สำนักงาน ป.ป.ส. โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รรท.เลขาธิการ ป.ป.ส. จึงสั่งการให้มี
การสืบสวนสอบสวนขยายผลจากกรณีจับกุมยาเสพติดรายสำคัญทุกราย รวมถึงวิเคราะห์ความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มผู้ผลิต นำเข้า
ผู้ลำเลียง ผู้จัดเก็บ ผู้จำหน่าย และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนเข้ามาถึงพื้นที่ตอนในของประเทศ
ตำรวจภูธรภาค โดย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รรท.ผบซ.ภ.๑, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.๑
พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รรท.รอง ผบช.ภ.๑, ร่วมกับ บช.ปส. โดย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รรท.ผบช.ปส. พร้อมด้วย
หน่วยข่าวกรองทางทหาร โดย พล.ต.อาทิตย์ ม่วงเล็ก ผบ.ขกท.. ขกท.ศปก.นสศ. โดย พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณ,
นักงาน ป.ป.ส.ภาค โดยนายประสาร หยงสตาร์ ผอ.ป.ป.ส.ภาค ๑, ว่าที่ ร.ต. อากาศ ปานแย้ม ผู้เชี่ยวชาญ
และปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค ๑ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกนายในสังกัดบูรณาการร่วมกันสืบสวนจับกุม
บุคคลในเครือข่ายยาเสพติด มีรายละเอียดดังนี้
สืบเนื่องจากวันที่ ๔ กย๖๖ เจ้าหน้าที่ดำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค ๑ ชุดที่ ๓
ได้จับกุมนายนนทวัฒน์หรือนิก (ขอสงวนนามสกุล) และนายศุภวัฒน์หรือตาล (ขอสงวนนามสกุล) พร้อมของกลางยาบ้า ประมาณ
๑,๖๐๐,๐๐๐ เม็ด พื้นที่ สภ.หนองแค ภ.จว.สระบุรี ซึ่งจากสืบสวนขยายผลในคดีดังกล่าว ทำให้ทราบว่าจะมีทีมลำเลียงยาเสพติด
จากพื้นที่ภาศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้ามาส่งยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รรท.ผบก..ว.สมุทรปราการ
ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผบก.ก.จว.สระบุรี จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังติดตามและสืบสวนจับกุม
ต่อมาเมื่อวันที่ ๓๑ ต.ค.๖๖ จากการสืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จาก จ.นครพนม
มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง โดยใช้รถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ๘๓-๓๗๕๔ สุรินทร์ เป็นยานพาหนะในการลำเลียง
พติด และจะใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลยี่ท้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บม ๖๔๕ ร้อยเอ็ด และรถยนต์นั่งส่วนบุคคยี่ห้ออีดูชุ สีเทา ทะเบียน ๔ขซ ๗๔๖๖ กทม. ในการสำรวจเส้นทางด่นตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่งเวลาประมาณ ๑๕.๒๐ น.
ของวันที่ ๑ พ.ย.๖๖ พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก,สส.ภจว.สระบุรี/หัวหน้า ชปส.ศอ.ปส.ภ.2 ชุดที่ ๓ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาสพติดตำรวจภูธรภาค ชุดที่ ๓ และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยข่าวกรองทางทหาร ร่วมกันไป
สังเกตการณ์และพบกลุ่มรถยนต์ดังกล่าวอยู่ที่สถานีบริการน้ำมัน พีที วังน้อย (ขาออก กทม.) หมู่ ๓ ต.ลำไทร อ.วังน้อย
จ.พระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังฝ้าสังเกตการณ์และสามารถจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ จำนวน ๕ คน ได้แก่ นายสุรชาติหรือชาติ
วนนามสกุล), นายวิร้อนหรือแดง (ขอสงวนนามสกุล), น้องชายของนายวิรงค์ (ขอสงวนนามสกุล), นาย
(ขอสงวนนามสกุล), นายพงศ์อิทธิพลหรือเจ๋ง (ขอสงวนนามสกุล) ผลการตรวจคันพบยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) จำนวน
๘ กระสอบ รวมจำนวน 6,๐๐๐ มัด ประมาณ ๔.0๐..00 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในรถบรรทุกยี่หัออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ๘๓-๓๗๕๔
สุรินทร์ พร้อมด้วยอาวุธปืน ๑ กระบอก และเครื่องกระสุนปืน ขนาด ๙ มม. จำนวน ๑๔ นัด นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงาน
สอบสวน สภ.วังน้อย เพื่อดำเนินคดีในความผิด “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน)
โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน
และกล่าวหาผู้ต้องหาที่ ๓ เพิ่มเติมว่ามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง
หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดการณ์ว่าหากไม่มีการจับกุมสกัดกั้นยาเสพติดดังกล่าวไว้ได้
ก่อน จะแพร่กระจายสู่ท้องตลาดซึ่งจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ ๔.,000,000 บาท และจะเป็นภัยต่อประเทศชาติที่ทำให้เกิดปัญหา
สังคมอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ยายผลถึงผู้อยู่ในขบวนการค้ายาเสพติดและทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการทำ
ความผิดเพื่อนำมาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ตำรวจภูธรภาค ๑ พร้อมรับนโยบายด้านการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล
อย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติด โดยในช่วงที่ผ่านมาสามารถจับผู้ต้องหาและยึดยาเสพติดได้มากขึ้น
เนื่องจากมีการสืบสวนขยายผลที่เข้มงวดมากขึ้น ดำเนินการยึดทรัพย์กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด และติดตามกลุ่มผู้ค้าที่ยังเคลื่อนไหว โดย
ดำเนินการควบคู่กันไปเพื่อตัดวงจรกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดอย่างเด็ดขาด
ตำรวจภูธรภาค ๑ ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากประชาชน ผู้นำชุมชน สมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรม
ในการแจ้งเบาะแสผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุ ๑๙๑ หรือทางสายด่วน ๑๕๙๕ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
ขอบคุณที่กรุณาเผยแพร่ข่าวสาร
ศุภชัย หงษ์รัตนาภรณ์ ผู้สื่อข่าว