นิตยสารตำรวจ สถานีประชาชน

ประชาสัมพันธ์ บิ๊กโจ๊ก มอบรางวัลให้เป็นขวัญกำลังใจ ตำรวจน้ำดี ไม่เหมือนที่เราคิดไว้ขอบคุณพี่ตำรวจมากๆ

ข่าวประชาสัมพันธ์ บิ๊กโจ๊ก มอบรางวัลให้เป็นขวัญกำลังใจ ตำรวจน้ำดี ไม่เหมือนที่เราคิดไว้ขอบคุณพี่ตำรวจมากๆ

“ น้องหนามเตย “ อายุ 20 ปี ชาว จ.เพชรบุรี เข้ามาใช้ชีวิตเพียงลำพังในกรุงเทพฯ สอบติดเรียนชั้นปีที่ 1 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พักในหอพักของมหาวิทยาลัย แต่ช่วงหัวค่ำของวันที่ 6 พ.ค.2565 เธอนำ แมคบุ๊ค ไอแพด แอร์พอด ไอพอด และหนังสือเรียน ไว้ในกระเป๋าสะพาย รวมถึงเพื่อนของเธอวางไอแพด โน๊ตบุ๊ค ไว้ในกระเป๋าสะพาย โดยวางไว้ที่ชั้นล่างของหอพัก ก่อนไปทำธุระไม่นาน

ทรัพย์สินของนิสิตไม่เคยมีสูญหาย แต่เมื่อสูญหายไป เธอและเพื่อนคิดว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยนำไปเก็บรักษาไว้ แต่เมื่อสอบถามได้รับคำตอบว่าไม่เห็น ด้วยความที่เข้าใจในเทคโนโลยี เธอตรวจสอบสัญญาณจีพีเอสของทรัพย์สินผ่านโทรศัพท์มือถือในระบบ find my iphone พบสัญญาณเคลื่อนที่อยู่บริเวณ ถ.อารีดูนังต์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ จึงออกติดตามทรัพย์สิน

“ ของมีค่าสำหรับหนู แมคบุ๊ค แอร์พอด คุณพ่อคุณแม่ซื้อให้ ไอแพคหนูเก็บสะสมเงินซื้อเอง สิ่งของมีคุณค่าสำหรับหนูมาก ข้อมูลการเรียน รวมถึงหนังสือที่ยืมจากห้องสมุด ก็สำคัญใกล้สอบ ตอนนั้นหนูไม่กลัว หนูอยากได้คืน ก็ออกติดตาม แล้วโทรศัพท์มือถือหาคุณพ่อ เล่าให้ท่านฟัง คุณพ่อบอกให้แจ้งความกับตำรวจ หนูก็ให้เพื่อนอีกคนที่ทรัพย์สินหายไปพบตำรวจ หนูกับเพื่อนก็ออกติดตาม ๆ สัญญาณจีพีเอสไปจนถึงแถว ๆ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ “ น้องหนามเตย ระบุ

ตรงจุดนี้จากความกล้าที่ออกติดตามทรัพย์สิน กลายเป็นความกลัว เพราะข้างหน้าที่เธอและเพื่อน ๆ กำลังผ่านไปค่อนข้างเปลี่ยว แสงไฟไม่เพียงพอ และมีรถยนต์แท็กซี่จอดอยู่ 3 – 4 คัน เธอรู้ว่าทรัพย์สินของเธออยู่ไม่ไกล แต่ไม่รู้ใครคือคนร้ายที่ลักทรัพย์ไป !!

ความกลัวทำให้น้องหนามเตย ตัดสินใจโทรศัพท์มือถือไปยังหมายเลข 191 แจ้งเหตุเรื่องราวคร่าว ๆให้ทราบ เหตุผลสำคัญคือ ความเปลี่ยวกลางคืนแสงไฟไม่เพียงพอ ทำให้เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุบอกให้รออยู่ตรงนั้นรีบประสานตำรวจท้องที่ ซึ่งหลังจากที่เธอวางสายไม่ถึง 5 นาที ตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์ สน.ปทุมวัน 2 คัน มายังจุดที่เธอและเพื่อนยืนรอ

ร.ต.ท.ธัญอมร หนูนารถ รอง สว.(ป.) , ส.ต.ต.พงษ์พัฒน์ ศรีสุพัฒน์ และ ส.ต.ต.กสิณ อนุสาร ผบ.หมู่ (ป.) สน.ปทุมวัน มาถึงน้องหนามเตยเล่าเรื่องราว พร้อมให้ดูโทรศัพท์มือถือที่จับสัญญาณจีพีเอสทรัพย์สินของเธอ ซึ่งตอนนี้เคลื่อนที่อยู่บริเวณอาคารหลังหนึ่งภายในโรงพยาบาล

ตำรวจทั้งสามนาย พาน้องหนามเตยและเพื่อนไปยังจุดที่ปลอดภัย ก่อนที่จะขอโทรศัพท์มือถือของน้องหนามเตย เพื่อใช้รถจักรยานยนต์สายตรวจ ตรวจหาติดตาม ไม่นานนักตำรวจสายตรวจ โทรศัพท์มือถือมายังเพื่อนของน้องหนามเตย ว่า “พบทรัพย์สินและจับคนร้ายที่ลักทรัพย์ได้แล้ว” ซึ่งคนร้ายคือ น.ส.นิตยา อายุ 36 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ

“ หนูดีใจมากได้ทรัพย์สินคืนตำรวจจับคนร้ายไวมาก ความรู้สึกหนูตอนแรกที่หนูและเพื่อนเริ่มกลัวก่อนตัดสินใจโทรศัพท์มือถือไปยัง 191 พอวางสาย หนูคิดว่า เรามาใช้ชีวิตครั้งแรกมาอยู่ในกรุงเทพฯ โทรแจ้งตำรวจ ๆ จะมาไหม จะตามทรัพย์สินเราไหม จะทำหน้าที่ไหม แต่สุดท้ายตรงข้ามกับสิ่งที่คิด พี่ตำรวจทำงานดี มีความรับผิดชอบ มาถึงที่หนูและเพื่อน รอได้เร็วมาก พอมาถึงสถานีตำรวจตรวจสอบทรัพย์สินหูฟังแอร์พอด หายไปข้างหนึ่งไม่รู้ว่าหล่นตรงไหน พี่ตำรวจสายตรวจยังออกไปช่วยตามหาตั้งนาน แต่ก็ไม่เจอ อย่างไรก็ตามหนูขอบคุณพี่ตำรวจมาก ๆ ที่มาช่วยหนูและเพื่อนประทับใจไม่เหมือนที่เราคิดไว้ “ น้องหนามเตย ระบุ

แพร่. ราเชนทร์/ญาณัฉรา
โชติถนอมกิจ

Exit mobile version