นิตยสารตำรวจ สถานีประชาชน

วอนร่วมบริจาคซ่อมและสร้างเตาเผาศพเพิ่ม หลังวัดจันทนารามรับเผาศพโควิดฟรี จนอิฐเตาพัง!!

วอนร่วมบริจาคซ่อมและสร้างเตาเผาศพเพิ่ม หลังวัดจันทนารามรับเผาศพโควิดฟรี จนอิฐเตาพัง!!

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมายังวัดจันทนาราม ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ได้พบกับพระครูปลัดเมธีวัฒน์ รองเจ้าอาวาสวัดจันทนาราม เพื่อพูดคุยถึงปัญหาในการฌาปนกิจศพผู้ป่วยโควิด19 และผู้ป่วยยกไร้ฟรี ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ยังคงมีการแพร่ระบาดของเชื้อเป็นวงกว้าง และแต่ละวันมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ในพื้นที่อำเภอเมืองจันทบุรี จะมีเพียงวัดจันทนารามเป็นวัดเดียวทีายังรับเผาศพผู้ป่วย และทางวัดได้อนุเคราะห์เผาศพผู้ป่วยโควิค-19 และเผาศพผู้ยากไร้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายโดยตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 เป็นต้นมาจะมีศพเข้ามาเผาทุกวัน สูงสุดวันละ 4-5 ศพ ซึ่งทางวัดจะต้องมีค่าใช้ค่าใช้จ่ายในค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 80-100 ลิตรรวมค่าไฟฟ้าประมาณ 4,000-5,000 บาทต่อ 1 ศพ และอย่างวันนี้มีผู้ติดต่อขอนำศพมาฌาปนกิจแล้ว 5 ศพ ที่ผ่านมาได้มีผู้ใจบุญบริจาคเงินและสิ่งของเข้าเข้ามาแต่ก็เริ่มจะหมดไปเพราะต้องใช้ทุกวัน อย่างชุด PPE ถุงมือยาง เฟสชิวจะต้องเปลี่ยนตลอดกลังเผาศพแล้วเสร็จ ร่วมถึงน้ำยาฆ่าเชื้อที่ต้องฉีดพ่นรถที่ขนส่งศพ พื้นที่ด้านหน้าเมรุ

ส่วนเมรุได้สร้างมานานกว่า 50 ปี และมีการซ่อมบำรุงมาเป็นแบบเตาไฟฟ้า แต่ด้วยที่มีการใช้งานอย่างหนัก ทำให้อิฐทนความร้อนร่วงหล่นพังลงมา เหลือเพียงโครงสร้างที่เป็นเหล็ก หากเผาศพหลาย ศพๆ โดยที่ไม่พักก็จะทำให้เหล็กทนความร้อนไม่ไหวพังลงมาได้ ซึ่งหลังมีการพังของอิฐลงมาทางวัดได้ติดต่อช่างมาประเมินราคา ซึ่งช่างได้ประเมินราคาไว้ที่ ประมาณ 500,000 บาท และทางวัดได้วางแผนสร้างเตาเผาศพเพิ่มอีก 1 เตาในราคา 500,000 บาท เพื่อรองรับการเผาศพที่มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทางวัดยังขาดปัจจัยอีกเป็นจำนวนมาก จึงอยากวอนขอรับบริจาคจากผู้ใจบุญ ในการสมทบทุนซ่อมแซมเมรุ และสร้างเตาเผาศพเพิ่ม และขอรับบริจาคน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเผาศพ น้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อใช้ฉีดพ่นป้องกันเชื้อโรค ร่วมถึงชุด PPE ถุงมือยาง เพื่อให้ทีมงานได้ใช้ในการป้องกันตนเองนะหว่างทำการเผาศพ สามารถโอนเข้าบัญชี พระครูปลัดเมธีวัฒน์ เขียวขจี ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 1038730130

ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา จ.จันทบุรี
พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

Exit mobile version