นิตยสารตำรวจ สถานีประชาชน

นครราชสีมา ชาวบ้านร้องมีนักการเมืองท้องถิ่นโคราช นำที่เรือนจำเขาพริก ไปแอบขายให้นายทหารยศพันตรีกว่า 5 ไร่ วอนให้ตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นายราชัน ปริตรรักษ์ธำรง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/2 ม.1 ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ชาวบ้านในพื้นที่ ว่ามีนักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดนครราชสีมาพร้อมพวก ได้นำที่ดินของกรมราชทัณฑ์ ที่อยู่บริเวณทางขึ้นวัดพระพุทธบาทคีรี เขาพริก บ.โนนลำไย ม.7 ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา จำนวน 5 ไร่ ซึ่งมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ไปขายต่อให้กับ พันตรี คนหนึ่ง ในราคาไร่ละ 9 หมื่นบาท โดยที่พื้นที่ดังกล่าว อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ และได้มีการนำป้ายไวนิลสีแดงมาติดประกาศ มีข้อความว่า ที่ดินของทางราชการไม่สามารถซื้อขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ได้ หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีการตามกฎหมายทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ก่อนจะมีมือดีมาทำลายเสาปูนและเคลื่อนย้ายป้ายมาติดกับต้นไม้แทน ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยติดตามหาความจริง เรื่องดังกล่าวด้วย เพราะรัฐเป็นหน่วยงานที่เสียหาย

นายราชัน ปริตรรักษ์ธำรง อายุ 54 ปี ชาวบ้าน เปิดเผยว่า มีกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาพร้อมพวก บุกรุกที่ดิน กรมราชทัณฑ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่การดูแลของเรือนจำเขาพริก ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว นำมาขายต่อให้กับ พันตรี คนหนึ่ง ในราคา ไร่ละ 9 หมื่นบาท รวม 5 ไร่ เป็นเงิน 450,000 บาท ซึ่งตนได้มีการร้องไปที่กรมราชทัณฑ์ แต่ไม่มีความคืบหน้าหรือดำเนินคดีตามกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งตนมองว่าน่าจะมีผลประโยชน์รวมกัน เพราะมีการรื้อถอนเสาที่ปักไว้ของกรมราชทัณฑ์ พร้อมป้ายไวนิลติดประกาศ อีกทั้งยังมี หลักหมุดแนวเขตปลอมในพื้นที่ด้วย จึงอยากสอบถามไปยังกรมราชทัณฑ์ ว่าตนเป็นประชาชนคนหนึ่งที่ต้องการปกป้องพื้นที่ ไม่ให้ใครเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ หากหน่วยงานของรัฐไม่มีการดำเนินการในการหาผู้กระทำความผิดในครั้งนี้ ตนจะร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในฐานความผิด พ.ร.บ.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งตนพร้อมที่จะนำหลักฐานมอบให้ และจะขอต่อสู้ไปจนตัวตาย

 

ด้าน นายไพรัตน์ ขมินทกูล ผู้อำนวยการทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องร้องเรียน แต่ไม่เจอตัวผู้กระทำความผิด จึงได้มีการนำป้ายมาติดประกาศว่า ที่ดินของทางราชการไม่สามารถซื้อขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ได้ หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีการตามกฎหมายทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยจากการตรวจสอบของกรมธนารักษ์ แจ้งมาว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความดูแลของเรือนจำเขาพริก หลังจากนี้ก็มีการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบว่ามีการบุกรุกตามที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่ หากว่าพบมีการบุกรุกจริง เบื้องต้นจะต้องแจ้งกับผู้บุกรุกว่านี่ คือสถานที่ราชการ ให้ดำเนินการรื้อถอนออกไป ไม่สามารถที่จะเข้ามาถือครองเป็นกรรมสิทธิ์ได้ หากแจ้งแล้วไม่มีการดำเนินการรื้อถอนก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนพบว่ามีการรื้อถอนป้ายไวนิลที่ติดประกาศของทางราชการออก ก็ต้องมีการดำเนินการลงบันทึกประจำวัน เพื่อติดตามตัวผู้ที่ทำลายทรัพย์สินทางราชการมามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อภิรักษ์ ศรีอัศวิน / ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครราชสีมา

Exit mobile version