นิตยสารตำรวจ สถานีประชาชน

จับตัวได้แล้ว!! จากภาพวงจรปิดจับภาพคนร้าย 2 คน เข้าไปขโมยปูไข่และกั้งร้านอาหารทะเล รับก่อเหตุโชคโชนก่อนหน้านี้ได้งัดตู้บริจาคของวัด

ภาพจากกล้องวงจรปิดจะเห็นว่ามีคนร้าย 2 คนกำลังก่อเหตุเข้ามาขโมยปูและตักกั้ง ของร้านเดชาปูคอนโด ซึ่งเป็นร้านอาหารทะเลที่ต้องสั่งจองโต๊ะในการรับประทานเท่านั้น โดยคนร้ายเข้ามาก่อเหตุ 3 คืนติดต่อกัน ตั้งแต่คืนวันที่ 26 , 27 และ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรขลุงสามารถจับตัวคนร้ายที่เข้าไปก่อเหตุได้ 1 คน ทราบชื่อว่านายสหรัฐ ตระกูลวงค์ หรือนายก้อง อายุ 16 ย่างเข้า 17 ปี ยังเป็นเยาวชน จับกุมตัวได้พร้อมกับชุดที่ใช้ก่อเหตุคือเสื้อยืดแขนยาวสีแดงดำกางเกงขายาวสีดำแถบขาวพร้อมกระเป๋าสะพายตามภาพวงจรปิด จากการตรวจค้นภายในที่พักพบอุปกรณ์การเสพยาเสพติดตกหล่นอยู่ด้วย จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าผู้ก่อเหตุอีกหนึ่งรายที่ก่อเหตุด้วยกันชื่อเล่นว่า”นายกลิ้ง หรือ ด.ช.ณัฐพงศ์ พุทพันธ์ อายุ14ปี “ ยังคงหลบหนีอยู่ เป็นเยาวชนอยู่เช่นกัน โดย”นายกลิ้ง” เพิ่งจะผ่านการก่อเหตุงัดตู้รับบริจาคของทางวัดวันยาวล่าง อ.ขลุง โดยที่มีภาพวงจรปิดเคยเสนอข่าวผ่านไปแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมพร้อมกับส่งให้กับสถานพินิจและถูกปล่อยตัวกลับมา แล้วก็ไม่ทิ้งนิสัยเดิมกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก โดยนายกลิ้ง ได้ลงมือก่อเหตุในเหตุการณ์นี้ทั้งหมด 3 คืน ส่วนนายก้อง สหรัฐ ที่สวมเสื้อยืดแขนยาวสีแดงดำ เพิ่งก่อเหตุในคืนวันที่ 28 คืนเดียว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาไปทำแผนในการก่อเหตุจากนั้นจึงทำเรื่องส่งตัวให้สถานพินิจต่อไป

 

เวลาต่อมา 18:30น. ของวันเดียวกัน (28 มิถุนายน 64) เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายกลิ้ง หรือ ด.ช.ณัฐพงศ์ พุทพันธ์ อายุ 14 ปี ได้พร้อมกับชุดที่สวมใส่ก่อเหตุตามภาพวงจรปิด ทำการสอบสวนได้ให้การว่า..ตนเองก่อเหตุจริงโดยการชักชวนของนายก้อง ก่อนหน้านี้ตนเองถูกจับจากการไปงัดตู้บริจาคของวัดวันยาวล่างเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตนเองได้สัญญากับพ่อแม่และเพื่อนรุ่นพี่ไว้ว่าจะไม่ทำอีก แต่ก็กลับถูกนายก้องพูดจาหวานล้อมว่า”ชีวิตเป็นของเองอย่าไปให้ใครมาบงการชีวิตได้”ตนเองจึงลงมือขโมยของหลักทรัพย์ดังกล่าว โดยยอมรับว่าตนเองไปลงมือพร้อมกับนายกล้องทั้ง 2 วัน แต่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้แค่คนเดียว

ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าวจ.จันทบุรี
นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

Exit mobile version