นิตยสารตำรวจ สถานีประชาชน

(คลิป) ผู้สมัครนายกทต.แม่ริม เข้าพบ กกต.เชียงใหม่ หลังทราบข่าวถูกร้องเรียน เรื่องถวายของให้พระ ช่วงเลือกตั้งกกต.เชียงใหม่ วอนผู้ที่จะร้องเรียนต้องมีหลักฐานชัดเจนก่อนเข้าร้องต่อ กกต.

ผู้สมัครนายกทต.แม่ริม เข้าพบ กกต.เชียงใหม่ หลังทราบข่าวถูกร้องเรียน เรื่องถวายของให้พระ ช่วงเลือกตั้งกกต.เชียงใหม่ วอนผู้ที่จะร้องเรียนต้องมีหลักฐานชัดเจนก่อนเข้าร้องต่อ กกต.

วันที่ 19 พฤษภาคม 2564 เวลา 09.30 น. นายจุฬา สังข์เรือง ผู้สมัครชิงนายกเทศบาลตำบลแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ผู้ที่ถูกร้องเรียนรวม 6 คน และพยานอีก 3 คน เดินทางไปยังกกต.เชียงใหม่ เพื่อชี้แจง กรณีถูกร้องเรียนเรื่องถวายของให้พระภิกษุสงฆ์ ณ วัดแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลตำบลแม่ริม นายจุฬากล่าวว่าจากกรณีที่ตนถูกร้องเรียนเรื่องถวายของให้พระ ตนเองพึ่งทราบข่าวเมื่อไม่นานมานี้ โดยทางกกต.จังหวัดเชียงใหม่ ได้แจ้งไปให้ตนทราบและให้เดินทางมาชี้แจงข้อกล่าวหา ซึ่งตนเองพอทราบข่าวก็รู้สึกตกใจและงงกับเรื่องที่ถูกร้องเรียนเพราะตัวเองนับถือศาสนาอิสลาม แล้วถูกกล่าวหาว่าไปถวายของให้พระ ณ วัดแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลตำบลแม่ริมได้อย่างไร ซึ่งตนเองมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองของฝ่ายตรงข้าม จึงเดินทางเข้ามาชี้แจงข้อกล่าวหาที่กกต.จังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ พร้อมได้เรียกบุคคลที่ถูกร้องเรียนและพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ตามที่ถูกร้องเรียนดังกล่าวมาชี้แจงแก่ทางกกต.จังหวัดเชียงใหม่ด้วย

นายจุฬา กล่าวอีกว่า ตนเองได้เข้าไปดูในโพสต์บนสื่อออนไลน์ที่ถูกนำมาร้องเรียนดังกล่าว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทางกลุ่มคณะของตนเองได้เดินออกหาเสียงและสมาชิกกลุ่มของตนเองได้แวะเข้าไปกราบขอพร ซึ่งตนเองได้นั่งอยู่ห่างๆ ประกอบกับได้มีคนได้เดินทางมาทำบุญวันเกิด ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาที่ทางคณะของตนเองไปกราบขอพรพอดี อาจจะทำให้เกิดปัญหาการร้องเรียนขึ้น ซึ่งตนเองได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วในโพสต์ของตนเอง มีรูปที่ถูกร้องเรียนดังกล่าวติดอยู่จริง ส่วนของที่ถวายพระที่ติดอยู่ในรูปตอนที่คณะเข้าไปขอพรพระนั้น คือของที่บุคคลนำมาถวายทำบุญวันเกิดและได้ออกไปกรวดน้ำด้านนอก ตนเองจึงได้นำหลักฐานและพยาน เดินทางมาชี้แจงต่อกกต.ดังกล่าว และรู้สึกมึนงงกับการถูกร้องเรียนในครั้งนี้ว่าผู้ที่ร้องเอาสมองส่วนไหนคิด ทั้งที่รู้ว่าตนเองนับถือศาสนาอิสลาม และทำให้ทาง กกต.เชียงใหม่ มีคำสั่งถอดถอนสมาชิกในกลุ่มของตนเองไป 3 คน ซึ่งตนเองมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง พร้อมทั้งจะได้ปรึกษาทางนิติกรเพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

ทางด้าน นายเกรียงไกร พานดอกไม้ ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มีเรื่องร้องเรียนมาก 90 กว่าเรื่อง ซึ่งตนเองได้มีคำสั่งรับเรื่องไปแล้ว 60 กว่าเรื่อง อยู่ในระหว่างกระบวนการสอบสวน และขณะที่ได้มีการประกาศรับรองการเลือกตั้ง ของเทศบาลที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนไปแล้วรอบแรก และในรอบที่ 2 ไม่น่าจะเกินวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 นี้อย่างแน่นอน ในส่วนของเรื่องการร้องเรียนที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบนั้นทางกกต.เชียงใหม่ ได้รีบเร่งทำงานอย่างหนักทุกวัน ตั้งแต่เช้าจนดึกไม่มีวันหยุด และได้นำส่งเรื่องไปยัง กกต.กลาง เป็นบางส่วนแล้ว และบางพื้นที่เนื่องจากมีการไปร้องคัดค้าน ที่กกต.กลาง ทำให้ต้องมีการตรวจสอบร่วมกันจนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ จึงจะสามารถประกาศรับรองได้ ทั้งนี้ตามกรอบระยะเวลา 50 วันตามกฎหมายกำหนด

ในส่วนของกระบวนการการสืบสวนสอบสวนเมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามานั้นเราก็จะให้ผู้ร้องและผู้ถูกร้องนำพยานหลักฐานเข้ามาชี้แจงแล้วเราก็จะพิจารณาว่าหลักฐานและข้อมูลเหล่ามีพยานหลักฐานเพียงใดในการสั่งรับเรื่องตรวจสอบก็ว่าไปตามกระบวนการ การสืบสวนสอบสวน โดยระยะเวลาในการทำสำนวนสอบสวนที่ผมสั่งรับไว้ดำเนินการ ระยะในการดำเนินการไม่เกิน 50 วัน ถ้าหากว่าการทำสำนวนคดียังไม่เสร็จสิ้น สืบเนื่องด้วยสภาวะที่เราไม่สามารถสอบพยานได้ เนื่องด้วยในการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดหรือว่ามีพยานหลักฐานเป็นจำนวนมาก เราก็สามารถที่จะขยายระยะเวลาไปที่ทางคณะกรรมการเลือกตั้งเซ็นอนุมัติได้อีก 2 ครั้งครั้งละ 15 วัน ร่วมแล้วไม่เกิน 80 วัน นับจากวันที่ผมรับเรื่อง แต่สำนวนคดีส่วนใหญ่แล้วเราจะทำเสร็จสิ้นภายใน 50 วัน กรณีที่ทำสำนวนเสร็จก่อนที่กกต.จะประกาศผลการเลือกตั้ง แล้วทางกกต.พิจารณาก็จะทำให้เป็นที่สุด แต่ถ้าว่ากกต.ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ยังพิจารณาสำนวนยังไม่เสร็จสิ้น ถือว่าเป็นสำนวนคดีหลังที่กกต.ประกาศผลการเลือกตั้ง ถ้าเกิดว่ามีกรณียกคำร้องก็ยุติไป แต่ว่าถ้ามีกรณีผู้ถูกร้องไม่ว่าจะเป็นเคสไหนก็ตามในเชียงใหม่ ถ้าผู้ถูกร้องมีพยานหลักฐาน ว่าได้กระทำความผิดจริง ถ้ากกต. เห็นควรให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง หรือเลือกตั้งใหม่ อย่างไรก็ตามผู้สมัครเลือกตั้งก็จะต้องเสนอคำร้องไปยังศาลอุทธรณ์ และให้ถือคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด โดยจะแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือช่วงแรก ถ้าก่อนกกต.ประกาศผลและกกต.มีความวินิจฉัยในสำนวนถือว่าเป็นที่สิ้นสุด แต่ ถ้าหลังกกต.ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว คำร้องที่จะลงโทษผู้สมัครเลือกตั้งที่กระทำความผิดจะต้องยื่นไปยังศาลอุทธรณ์ซึ่งจะมีการแบ่งกันระหว่างก่อนประกาศผลและหลังประกาศผล

ในเรื่องของผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือประชาชนที่เป็นผู้ช่วยในการหาเสียงต่างๆที่ถูกร้องคัดค้านก็ไม่ต้องตกใจเพราะคำร้องเป็นการกล่าวหาอยู่ฝ่ายเดียวผู้ร้องมีหน้าที่ที่ต้องนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ในส่วนของที่ท่านที่ถูกร้อง ถ้าทำไม่ได้ทำกระทำความผิดก็ไม่ต้องกลัวเราจะให้ความเป็นธรรมท่านก็นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อพนักงานสืบสวนสอบสวนว่าไม่กระทำความผิด ถ้าเกิดท่านไม่ได้ทำความผิดเราก็จะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ และอย่าได้ไปหลงเชื่อกลุ่มคนหรือบุคคลใดๆที่ กล่าวอ้างว่าสามารถจะวิ่งเต้น หรือว่า อ้างเป็นพนักงานกกต.หรือว่ารู้จักผู้ใหญ่ในกกต.ที่จะวิ่งเต้นคดีเลือกตั้ง ไม่มีทางเป็นไปได้ อย่าได้หลงเชื่อ ซึ่งก็เป็นข่าวไปแล้วว่าทางกกต.จังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้วางแผนร่วมจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพ เหล่านี้ได้ มาแล้ว 1 กลุ่มซึ่งขณะนี้ก็ยังมีอยู่ ประเภทที่มาเรียกรับ เพื่อที่จะแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีเลือกตั้งก็ยังมีอยู่ และขอฝาก ไปยังผู้สมัครรับเลือกตั้งว่า ถ้ากากท่านไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ก็ขอความอนุเคราะห์อย่าได้มาร้องเลยเพราะจะทำให้ผู้ที่ไม่ได้กระทำความผิด เขาก็จะต้องเสียเวลา มาให้การต่อพนักงานสืบสวนสอบสวน ถ้าท่านมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็ค่อยมาร้องเรียนหรือว่าสามารถโทรศัพท์มาปรึกษาได้ว่า ท่านมีหลักฐานพยานประมาณนี้จะสามารถร้องเรียนได้หรือไม่ เพราะบางครั้งถ้าเขาไม่ได้ทำกระทำความผิดหรือเราได้ยินมา หรือได้ยินเขาเล่ามา หรือไปแคปหน้าจอตามสื่อโซเชียลออนไลน์ แล้วนำเรื่องมาร้องเรียน มันก็ดูจะไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกร้อง ก็ขอท่านให้ได้พิจารณาเรื่องนี้ให้ดี หรือว่าท่านสามารถโทรศัพท์มาสอบถามได้ที่สำนักงานกกต.เชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 053 112 347 – 8 จะมีเจ้าหน้าที่กกต.เชียงใหม่ ที่คอยให้ความแนะนำและคอยตอบคำถามที่ท่านสงสัยอยู่ได้.

ทรงวุฒิ ทับทอง

Exit mobile version