นิตยสารตำรวจ สถานีประชาชน

นครราชสีมา – ผบช.ภ.3 สั่งจัดชุดเคลื่อนที่เร็วจับเป่าเมาแล้วขับ ส่งผลให้อุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 7วันอันตรายอีสานตอนล่างลดลง วอนให้ดื่มอยู่บ้านเพื่อความปลอดภัย

นครราชสีมา – ผบช.ภ.3 สั่งจัดชุดเคลื่อนที่เร็วจับเป่าเมาแล้วขับ ส่งผลให้อุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 7วันอันตรายอีสานตอนล่างลดลง วอนให้ดื่มอยู่บ้านเพื่อความปลอดภัย

เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 4 ม.ค.63 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงช่วง 7 วันอันตราย ว่าในช่วงวันที่ 29 ธ.ค.63 ถึง 4 ม.ค.64 เป็นช่วงที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อำนวย ความสะดวก ทางด้านการจราจร ทั้งขาเข้าและขาออก ที่มีประชาชนเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยจะต้องดูจุดที่มีการจราจรสะสมอยู่มาก โดยเฉพาะบริเวณอ.สีคิ้ว และคลองไผ่ จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงตำรวจท้องที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรโดยเปิดช่องทางพิเศษ เพื่อเร่งระบายรถ ให้พี่น้องประชาชนได้รับความสะดวกทั้งขาไปและขากลับ แต่ในขณะเดียวกันช่วงวันที่ 30-31 ธ.ค.ที่ผ่านมามี อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมากในเขตพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 3 เนื่องจากทางรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจแต่ละพื้นที่ เห็นตั้งด่าน ในมาตรการป้องกันโควิด 19 ในเรื่องของการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว รายการเว้นระยะห่างทางสังคม บางช่วงเวลาอาจจะทำให้ ประชาชนหรือ กลุ่มวัยรุ่นหลายๆรายมีการดื่มสุราแล้วออกมาเที่ยวขับรถ จนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่สูงมากคือเมาสุรา ทางด้านตำรวจภูธรภาค 3 จึงขออนุมัติไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว จำนวน263ชุด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.63 จนถึงวันที่ 2 ม.ค. 64 เป็นระยะเวลา 3 วันที่ปฏิบัติงานจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เพื่อบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการเมาไม่ขับ ปรากฏว่าอุบัติเหตุลดลงอย่างชัดเจน อย่างเช่นเปรียบเทียบสถิติในวันที่ 2 ม.ค.ของปีที่ผ่านมา อุบัติเหตุปี พ.ศ.2563 เกิด 37 ครั้ง เปรียบเทียบกับปี พ.ศ.2564 เกิด 18 ครั้ง รวมทั้งยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ได้ลดลงอย่างชัดเจน โดยมียอดอุบัติเหตุลดลง 19 ครั้ง ยอดผู้บาดเจ็บลดลง 20 ราย

ผบช.ภ.3 กล่าวต่อว่า จากการบังคับใช้กฎหมายจากการจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ใช้หลักนิติศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่ใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่ไปด้วยคือ ให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปประสานผู้นำท้องถิ่น เพื่อขอใช้หอกระจายเสียงที่อยู่ในพื้นที่ ขอให้พี่น้องประชาชน ถ้าหากมีการดื่มสังสรรค์ ให้รักษาระยะห่างทางสังคมและ เมื่อเมาแล้วต้องไม่ขับรถออกจากบ้านจนเกิดอุบัติเหตุ เป็นมาตรการที่สอดรับกับมาตรการป้องกันโรคโควิด19 หากมี หากมีประชาชนที่เมาสุรา ที่ฝ่าฝืนขับรถออกมา ก็จะถูกชุดเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพร้อมด้วยจะนำเครื่องตรวจวัดความเมา ซึ่งได้ผ่านการตรวจมาตรฐานจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำการตรวจจับ โดยสถิติที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจับกลุ่มผู้เมาสุราแล้วขับในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค3 ในปีพ.ศ.2563ระยะเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 62 ถึงวันที่2 ธ.ค.63 จับได้3,760 ครั้ง เปรียบเที่ยบกับปีล่าสุดจับไป4,725ครั้ง การบังคับใช้กฎหมาย ที่จับผู้เมาสุรา ในขณะขับขี่ ส่งผลให้ยอดการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ลดลงทันที สำหรับจังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่จับกุมผู้เมาสุราแล้วขับมากที่สุดคือ 1,326 ครั้ง และหากเปรียบเทียบทั้งประเทศพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค3 เป็นพื้นที่ ที่จับกุมผู้เมาแล้วขับได้มากที่สุด

พล.ต.ท. ภานุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 จึงอยากฝากไปยังประชาชน ในห้วง 7 วันอันตราย ถ้าหากมีการเลี้ยงสังสรรค์ อยู่ที่บ้านก็ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม และที่สำคัญที่สุดหากมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว เมาก็ให้อยู่ที่บ้าน หากออกมาก็จะถูกชุดเคลื่อนที่เร็วของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจความเมาและจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

ภาพข่าว / อภิรักษ์ ศรีอัศวิน ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำ จ.นครราชสีมา

Exit mobile version